GORAGOD.com

freelance, web developer, web designer, hosting, domain name

ลิขสิทธิ์ เรื่องที่โปรแกรมเมอร์ต้องรู้

หลายๆคนอาจสงสัยว่า โค้ดที่เราเขียนขึ้น สิทธิ์ในโค้ดจะตกเป็นของใคร ผมขออธิบายเป็นเรื่องๆไปนะครับ
  1. ลิขสิทธิ์ในซอร์สโค้ด ในส่วนนี้ทางกฏหมายถือว่า ซอร์สโค้ด เป็น "ทรัพย์สินทางปัญญา" โดยได้รับความคุ้มครองเทียบเท่ากับงานวรรณกรรม ซึ่งผู้ที่สร้างสรรค์มันขึ้นมา (Programmer นั่นแหละครับ) เป็นผู้มีสิทธิ์โดยชอบตามกฏหมาย โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน (เหมือนบทความหรือภาพถ่าย ที่เป็นของผู้เขียนหรือผู้ถ่ายภาพ ตั้งแต่ตอนเริ่มเขียนหรือตอนถ่ายภาพ) แต่ก็สามารถแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ ซึ่งจะทำให้เจ้าของสิทธิ์สามารถนำงานอันมีลิขสิทธิ์ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้เต็มที่มากขึ้น (ฟรีด้วยนะครับ)
  2. แนวคิดในการทำงานของซอฟต์แวร์ ตลอดจนขั้นตอนการทำงาน และคุณสมบัติต่างๆของซอฟต์แวร์ ไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งมีความหมายว่า เราสามารถออกแบบขั้นตอนการทำงานต่างๆของเว็บไซต์ให้เหมือนกับคู่แข่งได้ ตราบเท่าที่เราเขียนซอร์สโค้ดนั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง หรืออีกนัยหนึ่ง ทำเว็บเหมือนคู่แข่ง(ด้านการทำงานนะครับ) ไม่ผิด
  3. ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นตามคำสั่งเฉพาะของผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในซอฟต์แวร์นั้น รวมถึง สามารถได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายความลับทางการค้าด้วย แต่กฏหมายก็อนุญาติให้ทำความตกลงกันระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างในลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์นั้นได้ (อธิบายเพิ่มเติมหมายถึงซอร์สโค้ด ส่วนที่เป็นความลับสำคัญทางการค้าของผู้ว่าจ้างที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ยกตัวอย่างเช่น สูตรอาหาร เป็นต้น)
  4. ในกรณีที่มีความตกลงจะต้องส่งมอบซอร์สโค้ด (ในโปรแกรมบางประเภท ที่ต้องมีการ Compile ก่อนที่จะนำไปใช้งาน เช่น exe การว่าจ้างเขียนโปรแกรมจะหมายถึง การส่งมอบเฉพาะตัวโปแกรมที่ Compile แล้วเท่านั้น โดยไม่รวมซอร์สโค้ด) ให้ผู้ว่าจ้างด้วยแล้ว ควรตกลงกันให้ชัดเจนด้วยว่า การส่งมอบซอร์สโค้ด เพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น เพื่อวัตถุประสงค์ในความเป็นเจ้าของซอร์โค้ดนั้นจริงๆ (ซึ่งผู้รับจ้างจะไม่สามารถนำไปพัฒนาต่อได้เลย) หรือเพียงเพื่อการปรับปรุง แก้ไขในอนาคต
4 ข้อเบื้องต้นนี้ เป็นเรื่องพื้นฐานที่ Programmer ทุกคนควรรู้ (และถูกถามถึงกันอยู่บ่อยๆ) ซึ่งจริงๆแล้วกฏหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังมีอีกหลายส่วนที่เกี่ยวข้องซึ่งอันนั้นต้องพึ่งนักกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญามาบอกเล่าตีความเพิ่มเติมครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมศึกษาได้จากที่นี่เลยครับ http://ossc.sipa.or.th/dip/
0SHAREFacebookLINE it!
^