Encryption, Encoding, และ Hashing เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสข้อมูล มีข้อแตกต่างกันดังนี้

1. Encryption เป็นกระบวนการเข้ารหัสข้อมูล โดยใช้วิธีการกำหนดคีย์ (Key) สำหรับการเข้ารหัสด้วยใช้เทคโนโลยีเช่น AES, RSA, 3DES เป็นต้น เมื่อข้อมูลถูกเข้ารหัสแล้ว จะสามารถถอดรหัสกลับเป็นข้อมูลเดิมได้ โดยใช้ key ในการถอดรหัสกลับเป็นข้อมูลเดิม
2. Encoding เป็นกระบวนการที่ใช้สำหรับการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบอื่นๆ โดยที่ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล เช่น ASCII, UTF-8 เป็นต้น หรือ อาจจะมีกระบวนการแปลงข้อมูลเป็นรูปแบบอื่นก็ได้เช่น Base64 ซึ่งการ Encoding จะไม่เปลี่ยนความหมายหรือคุณสมบัติของข้อมูลเดิม แต่จะทำให้ข้อมูลมีรูปแบบที่แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมเท่านั้น และสามารถแปลงกลับเป็นข้อมูลเดิมได้ (Decoding)
3. Hashing เป็นกระบวนการที่ใช้สำหรับการแปลงข้อมูลให้เป็นค่าคงที่ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ โดยที่ไม่มีการใช้ Key การ Hashing มักจะใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหรือเป็นการเก็บข้อมูลรหัสผ่านโดยไม่ต้องเก็บข้อมูลตั้งต้น ซึ่งหากข้อมูลถูกเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ค่า Hash ต่างกันอย่างมาก การ Hashing ที่นิยมใช้คือ SHA-256, SHA-512, MD5 เป็นต้น การ Hashing เมื่อทำการเข้ารหัสแล้ว จะไม่สามารถถอดกลับเป็นข้อมูลเดิมได้

สรุปได้ว่า Encryption เป็นการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อปกป้องความลับ Encoding เป็นการแปลงรูปแบบข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่แตกต่าง และ Hashing เป็นการแปลงข้อมูลให้เป็นค่าคงที่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ และไม่สามารถถอดรหัสข้อมูลได้

Encryption และ Encoding มีข้อแตกต่างกันที่การใช้ Key สำหรับการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูล ในขณะที่ Encoding ไม่มีการใช้ Key ส่วน Hashing จะเป็นกระบวนการเข้ารหัสที่ไม่สามารถถอดกลับได้

การเลือกใช้ Encryption, Encoding, หรือ Hashing ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งานข้อมูล หากต้องการปกป้องความลับของข้อมูล จะใช้ Encryption หากต้องการแปลงรูปแบบข้อมูลเพื่อให้เข้ากับระบบหรือเครื่องมืออื่นๆ ให้ใช้ Encoding และหากต้องการเก็บข้อมูลให้ปลอดภัยและไม่สามารถแก้ไขได้ ให้ใช้ Hashing