ระวังเส้นทางมันขรุขระ
.::{เปรียว}::. มีเรื่องที่จะเอามาเล่าสู่กันฟังน่ะฮะ
ใครที่รับงานจัดทำเว็บไซต์หลายคนคงได้เคยพบเคยเจอมาบ้าง
เรื่องปัญหาจุกจิกต่างๆ ที่ผู้จ้างวาน(ฆ่า)ต้องการนู้นอยากได้นี่
ปรับแก้กันไม่มีที่สิ้นสุด คงต้องกินยาทำใจกันพอสมควร
เรื่องของเรื่องก็คือ .::{เปรียว}::. ดันไปรับงานมาจาก
ร้านที่รับซ่อมคอมแห่งหนึ่ง ด้วยความที่ว่าเค้ารับมาแล้วทำไม่เป็น
เลยไปจ้างคนรู้จักที่พอจะทำเป็นให้จัดการให้ จนแล้วจนรอด
เค้าก็โดนเบี้ยว งานเลยตกมาถึงมือ .::{เปรียว}::. นี่แหล่ะ
เค้าบอกว่า..........ทำสัญญากันไว้ งานนี้ทางผู้ว่าจ้างให้เวลา
ถึงสิ้นเดือน (31 กรกฏาคม 2552) ซึ่ง ณ ตอนนั้นเหลือเวลาอีก
เพียงแค่ 7 วัน ในขณะที่คนรับงานทำไม่เป็น (แล้วไปรับมาได้ไง)
เค้ามีข้อมูลให้พร้อมแล้วและทำรูปแบบมาให้แล้วด้วย คือจัดทำมา
ในรูปแบบของเอกสาร word แต่อยากให้ทำเป็น HTML ขึ้นไป
แสดงผลแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องมีการประมวลผลใดๆ
ฟังดูเป็นเรื่องหมูๆ ใช่มั๊ย ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วจะเสียใจอย่างแน่นอน
.::{เปรียว}::. ขอเวลาเค้าสองวันในการจัดทำ (รีบทำแทบตาย)
รวมทั้งหมดก็ 25 หน้าพอดี
จนในที่สุดก็ถึงเวลาส่งงาน ก็มาทันตามกำหนด 2 วันอย่างที่ตกลง
กับทางร้านเค้าไว้ งานนี้เค้าคงได้เครดิตที่ส่งงานก่อนกำหนด
.::{เปรียว}::. ก็จะขอเบิกปัจจัยในการดำรงชีพในวันนั้นเลย
ทางร้านเค้าบอกว่าช่วงนี้เงินฝืด คงต้องรอวันจันทร์จะเบิกจากทาง
ผู้ว่าจ้างให้ ด้วยความที่รู้จักกันมานานก็เลยหยวนๆ ช่วยๆ กันไป
หลังจากนั้นก็ตามเบิกเรื่อยมาจนถึงวันนี้ (12 พฤษจิกายน 2552)
ยังได้ไม่ครบ เหลืออีก 500 ยังไม่จ่าย โดยมารู้ทีหลังว่าทางร้าน
เค้าไม่ได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกันอย่างที่ .::{เปรียว}::.
เข้าใจในตอนแรก นกจากนั้นทางผู้ว่าจ้างอยากให้ปรับเปลี่ยนอะไร
ก็มาเรียกใช้เราตลอด (ใช้คุ้มเลย) ถึงกับรื้อเว็บมาทำไม่เลยทีเดียว
ล่าสุดเว็บเค้าเปิดไม่ได้เค้าก็โยนมาให้ .::{เปรียว}::. เป็นคนจัดการ
ไปคอยแก้ใขคอยอธิบายปัญหาให้ทางผู้ว่าจ้างเข้าใจ เพราะทาง
ร้านที่เค้ารับงานก็ไม่มีความรู้ด้านนี้
ถ้าอธิบายแล้วฟังเข้าใจง่ายๆ ก็คงดีอยู่หรอก นี่อธิบายยังไงก็ไม่รู้เรื่อง
แถมยังมาสั่งให้เราทำอย่างนู้นสิทำอย่างนี้สิอีกแหน่ะ (รู้มาอีก เอาเข้าไป)
อันที่จริงเราส่งงานไปให้เค้าตรวจดูครั้งแรก แล้วถ้ายังไม่ถูกใจก็มาปรับ
มาแก้กันครั้งสองครั้งก็น่าจะเป็นที่พอใจได้แล้ว อีกอย่างเค้าเป็นคนกำหนด
รูปแบบที่เค้าต้องการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าจะให้มาปรับตรงนู้นทีตรงนี้ที
เอาเป็นว่าบอกความต้องการมาตั้งแต่ทีแรกแล้วใหเราออกแบบให้ใหม่เลย
ไม่ดีกว่าเหรอ
ตั้งแต่เดือน กรกฏาคม จนถึงพฤษจิกายน งานยังไม่จบ แถมยัง
เบิกเงินได้ไม่ครบอีกด้วย
เชื่อเถอะ ถ้าใครเจอก็ชิ่ง วิ่งหนีดีกว่า
จะว่าเพราะจัญญาบันหรือโง่ดี เลยต้องมาเซ็งอยู่ทุกวันนี้ (ดูท่าจะโง่มากกว่า)
ก็ต้องถือไว้เป็นบทเรืยน ถ้าจะรับงานต่อจากใครต้องดูดีๆ นิดนึงว่า
เราจะไม่ต้องมาปวดขมองไมเกรนขึ้นหัวยาวนานขนาดนี้
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ...
แต่ก็เป็นกำลังใจให้นะครับ ไม่ว่าใครที่อยู่ในสายอาชีพนี้ ผมคิดว่าทุกคนคงต้องพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ โดยส่วนตัว...ผมไม่ได้สูญไปแค่ 500 แต่ผมสูญไปถึง 50000 กับเวลาอีก 4 เดือนครับ และไม่ใช่ครั้งเดียวครับที่โดน
ถ้าเป็นผม ในกรณีของคุณ เงินแค่ 500 ผมวิ่งหนีไปแล้ว.....
ถ้าจะว่าไป ขอบเขตของงานนี่ค่อนข้างจะยากอยู่ โดยปกติข้อตกลงมักจะเป็นไปในทำนองที่ว่า แก้ไขให้ถ้าไม่มากจนเกินไปนัก ในฐานะคนทำเราคงรู้แหละครับว่ามากหรือน้อยต่างกันอย่างไร แต่ในฐานะผู้ใช้ซึ่งไม่รู้อะไรเลยเขาย่อมมองไม่เห็นข้อแตกต่างระหว่างคำว่า ยาก หรือ ง่าย ซึ่งเป็นสื่งที่ต้องทำใจครับ
มีปัญหาก็ต้องมีทางแก้ปัญหา....คิดในแง่ดี สิ่งที่เราพบเจอ เป็นประสบการณ์ครับ ให้เรารู้จักความต้องการของคนอื่น ให้เรารู้แนวคิดหรือความต้องการของผู้ใช้ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว โปรแกรมเมอร์มักเก่งแต่การเขียนโค้ดแหละครับ ซึ่งแน่นอนมันจะเป็นความรู้หรือแนวคิดให้กับงานในครั้งต่อๆไป
การออกแบบโค้ดก็เป็นสิ่งสำคัญครับ เราควรออกแบบโค้ดในลักษณะที่สะดวกต่อการปรับปรุงและแก้ไข ผมยกตัวอย่าง GCMS ครับ มันถูกพัฒนามาจากปัญหาที่ว่าเหล่านี้ ในปัจจุบัน ผมแค่ออกแบบโมดูลตามความต้องการของลูกค้าเท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องออกแบบเว็บใหม่ทั้งเว็บเหมือนแต่ก่อน ซึ่งทำให้ผมลดระยะเวลาการออกแบบไปได้อย่างน้อยครึ่งนึง
การรับประกันและแก้ไขงานให้ลูกค้า ในมุมหนึ่งอาจเป็นประโยชน์กับเราก็ได้นะครับ เพราะอุปสรรคกลังจากการใช้งานไประยะหนึ่งอาจเกิดขี้นได้เสมอ และแน่นอนมันเป็นประสบการณ์ โดยส่วนตัว ลูกค้าส่วนใหญ่ของผม งานจะเกือบปีแล้วผมยังต้องคอยตามแก้ไขให้อยู่เลย โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากการเขียนโค้ดซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องแก้ไขให้เขาเพราะมันเป็นความผิดพลาดของเราเอง แต่ถ้าการแก้ไขนั้น เป็นการปรับปรุงหรือเพิ่มเติม ถ้าคิดว่ามันมากเกินไปหรือยากเกินไป ผมคิดว่าให้บอกกับลูกค้าตรงๆครับ ว่ายากตรงไหนถ้าทำแบบนี้แล้วต้องแก้ไขอะไรบ้างปัญหาจะเป็นอย่างไร และสุดท้าย ต้องมีค่าใช้จ่ายนะ เท่าไรก็บอกเขาไป... เขาจะปรับปรุงหรือไม่ก็เรื่องของเขาแหละครับ แต่ถ้าปัญหานั้นๆ เป็นปัญหาง่ายๆ สำหรับเรา หรือแก้ไขไม่เยอะ ผมแนะนำว่า ทำๆไปเหอะครับ อย่าไปคิดว่า จู้จี้จุกจิกเลยครับ ทำให้เขาบ่อยๆ เขาน่าจะเกรงใจไปเองแหละครับ(หรือเปล่า) และเมื่อใดที่ต้องแก้ไขใหญ่ เราจะได้เรียกเงินเขาได้
สำหรับผู้ว่าจ้าง ถ้าได้อ่านกระทู้นี้....ก่อนว่าจ้าง น่าจะทำความเข้าใจระบบงานสักนิด คำถามของโปรแกรมเมอร์เป็นสิ่งสำคัญ และถือว่าเป็นข้อมูลที่ทีผลต่อราคา รายละเอียดความต้องการของงาน เป็นข้อมูลสำคัญ ที่ต้องเตรียมมาให้ครบถ้วน ครับ ยิ่งมากงานจะง่ายขึ้น และสิ่งนี้คือสิ่งที่ผู้ว่าจ้างควรทำเป็นการบ้านก่อนจ้างงาน ประเภทบอกว่า อยากได้เว็บ.....ตามตัวอย่าง...... ข้อมูลแค่นี้ผมไม่ทำให้หรอกครับ เสียเวลาแก้ไขตอนทำเสร็จ
สรุปก็คือ เราไม่มีทางรู้ได้เลยครับ ว่างานที่เรากำลังจะรับจ้างนั้นจะมีปัญหาในอนาคตหรือเปล่า ดังนั้นเราควรทำความตกลงกับผู้ว่าจ้างให้ดีๆ โดยเฉพาะการติดต่อกันโดยตรงแต่แรกระหว่าง ผู้ว่าจ้างและเรา การขอและการให้ข้อมูลความต้องการของเว็บทั้งหมดเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ผู้ว่าจ้างควรแจ้งความต้องการของตัวเองเป็นลายลักษณอักษรให้มากที่สุด เพื่อผู้รับจ้างจะได้ทำงานที่ตรงตามความต้องการ รวมถึงการนำเว็บตัวอย่างมาให้ดู (ถ้ามี) แต่ไม่ควรนำเว็บตัวอย่างมาให้ดูเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีรายละเอียดความต้องการแนบมาด้วย เพราะมุมมองของผู้ออกแบบ แตกต่างจากมุมมองของผู้ใช้ครับ....
ขอให้โชคดี กันทุกคนนะครับ ทั้งผู้ว่าจ้าง และผู้รับจ้าง
โปรเจคนักศึกษา
ตอนนี้เลยปฏิญาณว่า จะไม่รับงานโปรเจคนักศึกษาอีกแล้ว
555+
โดนไป 1 ใน 4 กับเวลาพอกัน ต่างแค่ .::{เปรียว}::. พึ่งจะโดน
และยังมีปัจจัยเกี่ยวพันอื่นๆ ที่จำใจต้องอยู่ช่วยร้านที่เค้ารับงานนี้มา
นอกจากเค้าจะมึนกับที่เราบอกไปแล้วยังมาสั่งให้เราทำอย่างนั้นสิอย่างนี้สิอีก
มันมาทีละน้อยนิด แต่ทยอยมาถี่ๆ เลยอ่ะ คิดในแง่ดีมานานจนประสาทจะกิน
ขอยืนยันว่ายังห่างไกลจากคำนี้มากๆ ฮะ
ทีแรกคิดว่าหมูมากๆ เพราะข้อมูลทุกอย่างแน่นปึก แถมยังออกแบบมาให้พร้อมเสร็จสับ
ถึงจะในรูปแบบเอกสาร word ก็เถอะ สุดท้ายมาโดนโคลนดูดตาย
เหมือนกันเลย โปรเจ็คนักศึกษาเหมือนกัน ใช้เวลาเขียนอยู่ เกือบสองเดือน ราคาตกลงกันไว้ที่ 20k ระบบใหญ่เลยทีเดียว พอส่งมอบงานเสร็จบอกว่าส่งอาจารย์ผ่านแล้วค่อยจ่าย วันที่ไกล้จะส่งก็โทรมาถามให้อธิบายโค๊ตทั้งหมด (คุณพระ) พอผ่านแล้ว วันรุ่งขึ้นโทรไปเรื่องค่าจ้าง ผลคือ ไม่รับโทรศัพท์ ตัดสายทิ้ง โทรอยู่เป็นอาทิตย์ ก็ทำแบบเดิม ตัดสายทิ้ง ปิดเครื่อง จนในที่สุดก็แน่ใจว่าถูกโกงแน่ๆแล้ว เลยสืบว่า มหาลัยใด คณะไร อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นใคร คนคุมสอบโปรเจ็คเป็นใคร แล้วก็ติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษาไปเรื่องนี้ แล้วในที่สุด สามคนที่จ้างผมทำโปรเจ็คก็โดนยึดเกรดคืน พร้อมต้องจบไม่ทันเพื่อนซ้ำปีไป ผมไม่เสียดายเงินเลยแม้แต่เลย แต่กลับรู้สึก ว่าถ้าเด็กพวกนี้ไม่ทำกับผมก่อน ผมก็ไม่อยากทำหลอก
โดนกันเป็นแถบ
ตกหลุมสาวใส่ชุดนักศึกษา "แหงมๆ"